ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี “ภัยคุกคามทางไซเบอร์” กลายเป็นหนึ่งในปัญหาที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป ธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงองค์กรระดับประเทศ ล้วนตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber Attack) ได้ทั้งสิ้น
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าภัยไซเบอร์คืออะไรและภัยไซเบอร์มีอะไรบ้าง สิ่งเหล่านี้อาจซ่อนอยู่ในอีเมล ลิงก์ปลอม หรือแม้แต่แอปพลิเคชันที่เราใช้อยู่ทุกวัน ภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์และภัยคุกคามทางระบบซอฟต์แวร์ในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงไวรัสหรือมัลแวร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงรูปแบบใหม่ ๆ เช่น ฟิชชิ่ง (Phishing), แรนซัมแวร์ (Ransomware) และการขโมยข้อมูลส่วนตัว ซึ่งจัดเป็นภัยคุกคามต่อผู้ใช้และระบบที่อันตรายและสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลหากไม่เตรียมตัวรับมือเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างถูกวิธี
HIGHLIGHTS:
● ภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threat) คือ การกระทำที่ใช้ระบบสารสนเทศหรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างความเสียหายต่อข้อมูล ระบบ หรือองค์กร เช่น การเจาะระบบ การแพร่มัลแวร์ หรือการโจมตีเพื่อทำให้ระบบล่ม ● ปัจจุบันภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์นั้นหลากหลายขึ้น เช่น มัลแวร์ (Malware) บอท (Bot) แรนซัมแวร์ (Ransomware) โทรจัน (Trojan) ไวรัส (Virus) เวิร์ม (Worm) และอื่น ๆ ที่มีรูปแบบการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ● รูปแบบของภัยคุกคามทางระบบซอฟต์แวร์ที่พบบ่อยนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การแทรกซึมเข้ามาในระบบเพื่อขโมยหรือทำลายข้อมูล, ควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้ ไปจนถึงการหลอกให้ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ● ภัยไซเบอร์ไม่เพียงกระทบต่อเทคโนโลยี แต่ยังสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในโลกดิจิทัล การรู้เท่าทันและเข้าใจรูปแบบป้องกันภัยคุกคามด้านไอทีจะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
ภัยคุกคามทางไซเบอร์ คืออะไร? ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
คุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threat) คือ การกระทำที่มุ่งโจมตีหรือแทรกแซงระบบดิจิทัล เพื่อเข้าถึง ทำลาย หรือขโมยข้อมูลสำคัญของบุคคลและองค์กร ทุกวันนี้เรามีข้อมูลส่วนตัวออนไลน์ทั้งสิ้น อีกทั้งอาชญกรไซเบอร์ไม่ต้องเจอหน้าเหยื่อและสามารถโจมตีคนจำนวนมากพร้อมกันจากที่ไหนก็ได้บนโลกตลอด 24 ชั่วโมง และภัยไซเบอร์มักเริ่มจากความชะล่าใจเพียงเสี้ยววินาที
เจาะลึก 9 ภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่พบบ่อยในปัจจุบัน
การเข้าใจว่าภัยคุกคามทางไซเบอร์มีอะไรบ้าง เป็นสิ่งสำคัญในการวางมาตรการรับมือและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ
มัลแวร์ (Malware)
คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่แทรกซึมเข้าระบบคอมพิวเตอร์เพื่อทำลายหรือขโมยข้อมูล คำว่า Malware ย่อมาจาก Malicious Software (ซอฟต์แวร์ประสงค์ร้าย) เป็นหนึ่งในภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์ที่พบมากที่สุดและมักเป็นช่องทางเริ่มต้นของการโจมตีทางไซเบอร์
บอท (Bot)
ย่อมาจากคำว่า Robot หมายถึงโปรแกรมอัตโนมัติที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ทำงานแทนมนุษย์แบบซ้ำๆ รวดเร็ว ไม่ต้องคุมตลอดเวลา และสามารถควบคุมอุปกรณ์ของเหยื่อได้จากระยะไกล มักถูกใช้เพื่อกระจายภัยคุกคามแก่ระบบ หรือปล่อยสแปมและ DDoS Attack ซึ่งทำให้ระบบเครือข่ายล่มได้
แรนซัมแวร์ (Ransomware)
ภัยไซเบอร์ชนิดนี้มุ่งล็อกไฟล์หรือระบบข้อมูลของเหยื่อ แล้วเรียกค่าไถ่เพื่อแลกกับการปลดล็อก ถือเป็นหนึ่งในภัยคุกคามต่อผู้ใช้และระบบที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก
ไวรัส (Virus)
ไวรัสคอมพิวเตอร์แพร่กระจายจากไฟล์หนึ่งไปยังอีกไฟล์หนึ่ง โดยต้องอาศัยผู้ใช้เปิดไฟล์หรือรันโปรแกรมก่อนถึงจะทำงาน ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อทำลายข้อมูลหรือทำให้ระบบทำงานผิดพลาด เป็นหนึ่งในภัยคุกคามของคอมพิวเตอร์ที่มีมายาวนานที่สุด
โทรจัน (Trojan หรือ Trojan Hourse)
เป็นภัยคุกคามทางระบบซอฟต์แวร์ที่อันตราย เพราะยากต่อการตรวจจับ เนื่องจากโทรจันปลอมตัวเป็นโปรแกรมที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่ซ่อนโค้ดอันตรายเพื่อเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ โทรจันต่างจากไวรัสตรงที่วิธีแพร่กระจาย ไวรัสต้องรันไฟล์ก่อนแล้วจึงแพร่ติดไฟล์อื่นได้เอง แต่โทรจันต้องหลอกให้ผู้ใช้ “ติดตั้งเอง” แล้วมันจึงเริ่มทำอันตรายในเครื่อง
เวิร์ม (Worm)
คล้ายไวรัสแต่ไม่ต้องพึ่งไฟล์เจ้าบ้านหรือผู้ใช้ มันสามารถขยายตัวและแพร่กระจายผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้เอง ทำให้ระบบทำงานช้าลงและกินทรัพยากรอย่างรุนแรง
รูทคิท (Rootkit)
ถูกออกแบบเพื่อซ่อนการทำงานของมัลแวร์ในระบบปฏิบัติการ ทำให้ผู้ดูแลระบบไม่สามารถตรวจจับได้เหมือนเป็น "ผีแฮกเกอร์อยู่ในเครื่อง" รูทคิทอาจเข้ามาในเครื่องพร้อมโทรจัน ติดจากซอฟต์แวร์เถื่อน ช่องโหว่ของระบบที่ยังไม่ได้อัปเดต เปิดไฟล์อันตราย หรือถูกเจาะโดยตรงจากแฮ็กเกอร์ ถือเป็นภัยคุกคามที่มีต่อระบบข้อมูลที่ซับซ้อนและยากต่อการกำจัด
สปายแวร์ (Spyware)
มีหน้าที่สอดแนมหรือเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ เช่น รหัสผ่าน ประวัติการท่องเว็บ พฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ โดยไม่รับอนุญาตและส่งกลับไปให้ผู้ไม่หวังดี จัดเป็นภัยคุกคามต่อผู้ใช้และระบบที่คุกคามความเป็นส่วนตัวโดยตรง
ฟิชชิ่ง (Phishing)
คือการหลอกลวงทางออนไลน์ที่ผู้ไม่หวังดีพยายาม “ตกเหยื่อ” โดยปลอมเป็นหน่วยงานหรือคนที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิต ผ่านอีเมลหรือเว็บไซต์ปลอม รหัส OTP ดาว์นโหลดไฟล์อันตราย เป็นรูปแบบอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตที่พบได้บ่อยและสร้างความเสียหายสูงสุดในปัจจุบัน
การป้องกันตัวจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ มีอะไรบ้าง?
เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ในปัจจุบัน การรู้วิธีป้องกันตัวจากภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งบุคคลและองค์กร การเตรียมมาตรการที่เหมาะสมดังต่อไปนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber Attack) และภัยคุกคามต่อผู้ใช้และระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อัปเดตระบบและซอฟต์แวร์อยู่เสมอ
หมั่นอัปเดตระบบปฏิบัติการเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางระบบซอฟต์แวร์และช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โจมตี
ใช้รหัสผ่านที่รัดกุมและไม่ซ้ำกัน
ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง และเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication (2FA) เพื่อลดโอกาสที่ผู้ไม่หวังดีจะเข้าถึงบัญชีหรือข้อมูลส่วนตัว
สำรองข้อมูล (Backup) เป็นประจำ
การเก็บสำรองข้อมูลช่วยลดความเสียหายจากแรนซัมแวร์ หรือภัยไซเบอร์ที่มีต่อระบบข้อมูล
ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสและตรวจจับภัยคุกคาม
โปรแกรม Security/Antivirus จะช่วยป้องกัน มัลแวร์, โทรจัน, เวิร์ม และภัยคุกคามของคอมพิวเตอร์อื่นๆ
ระมัดระวังการคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบที่ไม่รู้จัก
วิธีนี้ช่วยป้องกันฟิชชิ่ง (Phishing) และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามต่อผู้ใช้และระบบ
อบรมและสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัย
การให้ความรู้แก่ผู้ใช้งานเกี่ยวกับภัยไซเบอร์ว่ามีอะไรบ้าง และรูปแบบการโจมตีต่าง ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในระดับองค์กร
คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)
จะรู้ได้อย่างไรว่าอีเมลที่ได้รับเป็นอีเมลฟิชชิง?
สามารถสังเกตได้จากลิงก์ปลอมและที่อยู่อีเมลแปลก ๆ เช่น มีความยาวหรือจำนวนตัวอักษรมากผิดปกติ เขียนให้มีความเข้าใจผิด เช่น o (ตัวโอ) แต่เป็น 0 (เลขศูนย์) หรือมีข้อความเร่งด่วนที่ต้องให้กรอกข้อมูลในเวลาจำกัด
หากตกเป็นเหยื่อของภัยคุกคามทางไซเบอร์ ควรทำอย่างไร?
ควรเปลี่ยนรหัสผ่านทันทีแล้วแจ้งผู้ดูแลระบบโดยเร็วที่สุด และตรวจสอบอุปกรณ์ด้วยโปรแกรมป้องกันมัลแวร์ เพื่อจำกัดความเสียหายจากการโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber Attack)
การเข้ารหัส (Encryption) ช่วยป้องกันภัยคุกคามได้อย่างไร?
Encryption ทำให้ข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสไม่สามารถอ่านได้โดยผู้ไม่หวังดี โดยจะปิดบังข้อมูลจากคนที่ไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ข้อมูลไม่ถูกเปลี่ยนโดยไม่รู้ตัว และช่วยยืนยันตัวตนของคนที่เราสื่อสารด้วย
ภัยคุกคามทางไซเบอร์ และแนวทางป้องกันจาก InterRisk Asia
การป้องกันและเตรียมพร้อมไม่เพียงลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี แต่ยังเสริมสร้างความปลอดภัยของข้อมูลและความเชื่อมั่นขององค์กรในโลกออนไลน์ ทำให้ภัยคุกคามทางไซเบอร์ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกลัว แต่สามารถจัดการได้อย่างมีระบบ
InterRisk Asia (Thailand) เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) แบบครบวงจร ที่ให้บริการตั้งแต่การจัดทำแผนฉุกเฉิน, การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment), การฝึกอบรม (Training) ไปจนถึงการให้คำปรึกษา (Consulting) ที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ธุรกิจบริการ และองค์กรขนาดใหญ่
ทีมที่ปรึกษามีประสบการณ์ด้าน BCMS โดยตรง
การออกแบบแผนที่ปรับตามบริบทของแต่ละธุรกิจ
โซลูชันที่ใช้ได้จริง ครบวงจร และพร้อมดำเนินการ