ความเสี่ยงทางธุรกิจ คืออะไร? มีอะไรบ้าง? แล้วจะจัดการได้อย่างไร?
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การบริหารความเสี่ยงในองค์กรถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการทุกคนไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ความเสี่ยงทางธุรกิจ คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร พร้อมเจาะลึกประเภทของความเสี่ยงต่าง ๆ ที่องค์กรต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านการเงิน, การดำเนินงาน, หรือความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก รวมถึงแนวทางและกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อจัดการกับความเสี่ยงเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงและโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจของคุณ
HIGHLIGHTS:
- ความเสี่ยงทางธุรกิจคือความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถขององค์กรในการบรรลุเป้าหมาย ไม่ใช่สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงแต่ต้องเข้าใจและบริหารจัดการ
- ประเภทความเสี่ยงหลัก 6 ประเภท ได้แก่ ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์, การดำเนินงาน, การเงิน, กฎหมายและข้อบังคับ, วิบัติภัย, และเทคโนโลยี แต่ละประเภทมีผลกระทบที่แตกต่างกันต่อองค์กร
- ประโยชน์ของการบริหารความเสี่ยง คือการช่วยลดความสูญเสีย เสริมสร้างการตัดสินใจที่มีข้อมูล เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความเชื่อมั่นให้ stakeholders
- ความเสี่ยงในยุค AI และเทคโนโลยีคือการพัฒนา GenAI สร้างทั้งโอกาสและความเสี่ยงใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ เทคโนโลยี และกฎหมาย องค์กรต้องปรับตัวอย่างรอบคอบ
- ความเสี่ยงภายในและภายนอก ความเสี่ยงภายในสามารถควบคุมได้ (เช่น การตัดสินใจของผู้บริหาร) แต่ความเสี่ยงภายนอกควบคุมไม่ได้ (เช่น เศรษฐกิจ ธรรมชาติ การเมือง)
ความเสี่ยงทางธุรกิจ คืออะไร?
ความเสี่ยง ตามนิยามของ ISO 31000 หมายถึง ผลกระทบของความไม่แน่นอนต่อวัตถุประสงค์ เมื่อใส่คำว่า “ธุรกิจ” เข้าไป ความเสี่ยงทางธุรกิจจึงเท่ากับ ความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถขององค์กรในการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ เช่น รายได้ กำไร ความสามารถในการแข่งขัน หรือชื่อเสียง ความเสี่ยงทางธุรกิจไม่ใช่แค่สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจและบริหารจัดการ เพื่อสร้างโอกาสและความยั่งยืนแก่องค์กร
ความเสี่ยงทางธุรกิจ มีกี่ประเภท อะไรบ้าง?
หากเรานำกรอบการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กร หรือ Enterprise Risk Management (ERM) มาใช้ อาจแบ่งประเภทความเสี่ยงทางธุรกิจได้คร่าว ๆ ดังนี้
ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risks)
เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการตัดสินใจและการกำหนดทิศทางขององค์กร เช่น
- การเลือกกลยุทธ์ที่ไม่เหมาะสม
- การเข้าสู่ตลาดใหม่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ
- การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีหรือพฤติกรรมผู้บริโภค
- ความล้มเหลวในการปรับตัวต่อการแข่งขัน
ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน (Operational Risks)
เกี่ยวข้องกับกระบวนการภายใน ระบบ บุคลากร หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน เช่น
- ความผิดพลาดจากมนุษย์
- ระบบ IT ล่ม
- ปัญหาด้านซัพพลายเชน
- การขาดแคลนแรงงานหรือทักษะ
ความเสี่ยงทางด้านการเงิน (Financial Risk)
เกี่ยวข้องกับการจัดการด้านการเงินขององค์กร เช่น
- ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- การขาดสภาพคล่อง
- การลงทุนที่ไม่คุ้มค่า
- ลูกหนี้ไม่ชำระเงิน
ความเสี่ยงทางด้านกฎหมายและข้อบังคับ (Compliance & Legal Risks)
เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เช่น
- การละเมิดกฎหมายแรงงาน
- การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม
- การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น GDPR)
ความเสี่ยงด้านวิบัติภัย (Hazard Risks)
คือความเสี่ยงที่เกิดจากเหตุการณ์ที่เป็นภัยต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม ซึ่งมักเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้โดยตรง และมีผลกระทบสูงต่อการดำเนินงานขององค์กร เช่น
- ไฟไหม้
- น้ำท่วม
- แผ่นดินไหว
ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี (Technology Risks)
คือความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้หรือพึ่งพาเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการดำเนินงาน ความปลอดภัยของข้อมูล หรือความสามารถในการแข่งขันขององค์กร เช่น
- การโจมตีทางไซเบอร์ (Cybersecurity)
- การใช้เทคโนโลยีที่ล้าสมัย
- ความล้มเหลวในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation)
- การจัดการข้อมูลไม่ปลอดภัย
การบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ สำคัญอย่างไร?
อย่างที่ได้เคยกล่าวไว้ในบทความเรื่อง Risk management การบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจ มีความสำคัญอย่างมากต่อความมั่นคงและความยั่งยืนของธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคที่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน เราจึงสรุปเหตุผลสำคัญที่ธุรกิจต้องบริหารความเสี่ยงไว้ดังนี้
ลดความสูญเสีย
การบริหารความเสี่ยงช่วยลดโอกาสและผลกระทบจากการสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็น การขาดรายได้ การเสียชื่อเสียง หรือการหยุดชะงักของการดำเนินงาน
ช่วยในการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
การมีข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและมีเหตุผลมากขึ้น
เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน
องค์กรที่บริหารความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดีจะสามารถปรับตัวได้เร็วและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สร้างความเชื่อมั่นและปกป้องชื่อเสียงขององค์กร
การบริหารความเสี่ยงที่ดี จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุน ลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงปกป้องชื่อเสียงขององค์กรเมื่อเจอภาวะวิกฤตและมีการจัดการที่ดี
ตัวอย่างความเสี่ยงทางธุรกิจ ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน
เพื่อให้เห็นภาพความเสี่ยงของธุรกิจได้ชัดเจนมากขึ้น เราได้ยกตัวอย่างความเสี่ยงทางธุรกิจไว้ด้านล่าง ดังนี้
ความเสี่ยงจากการพัฒนาของเทคโนโลยีและ GenAI
ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ทุกคนอาจจะเห็นได้ว่าการพัฒนาของเทคโนโลยีและ GenAI นั้นมีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก ในวันนี้ที่คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาใช้ AI ในการทำงาน ค้นคว้าหาข้อมูล และบูรณาการเข้าขั้นตอนการดำเนินงานในธุรกิจมากขึ้น ธุรกิจที่ปรับตัวได้เร็วและนำ AI มาใช้อาจสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีที่ยังไม่เสถียร และเพิ่มความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีก
จะเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เรื่องเดียวเกี่ยวข้องกับ Business Risk ถึง 3 หัวข้อ ได้แก่ ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risks) ด้านเทคโนโลยี (Technology Risks) และด้านกฎหมายและข้อบังคับ (Compliance & Legal Risks)
คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)
มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายในอะไรบ้างที่อาจกระทบกับธุรกิจ?
ความเสี่ยงภายในที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมักเกิดจากการตัดสินใจของฝ่ายบริหารหรือทีมผู้บริหารในการแสวงหาการเติบโต ซึ่งการตัดสินใจเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่เป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ ยกตัวอย่างเช่น ความเสี่ยงเพลิงไหม้ และความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นในกระบวนการผลิต ที่เกิดจากการตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตและติดตั้งเครื่องจักรใหม่ โดยทั่วไปมักเป็นประเภทความเสี่ยงที่เราสามารถควบคุมไม่ให้เกิดได้
มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกอะไรบ้างที่อาจกระทบกับธุรกิจ?
ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมักเป็นสิ่งที่เราควบคุมต้นตอไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น สภาพเศรษฐกิจโลก ปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น ภัยธรรมชาติและปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงปัจจัยทางการเมือง เช่นสงครามระหว่างประเทศ
ความเสี่ยงทางธุรกิจเกี่ยวข้องกับความต่อเนื่องทางธุรกิจอย่างไร?
การวิเคราะห์และบริหารความเสี่ยงเป็นหลักการสำคัญ และเป็นองค์ประกอบหนึ่งของระบบบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ องค์กรจำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับกิจกรรมและทรัพยากรสำคัญ (Prioritized activities) รวมถึงระบุจุดเดียวของความล้มเหลว (Single Point of Failure) เพื่อกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงและกลยุทธ์ความต่อเนื่องทางธุรกิจ
ความเสี่ยงทางธุรกิจ บริหารความเสี่ยงไปกับ InterRisk Asia
บทความนี้พาเรามาสำรวจถึงแนวคิดเกี่ยวกับความเสี่ยงทางธุรกิจ ว่ามีประเภทความเสี่ยงกี่แบบ และส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร รวมถึงอธิบายความสำคัญของการประเมินความเสี่ยง ยกตัวอย่างความเสี่ยงทางธุรกิจในชีวิตจริงผ่านตัวอย่างการเติบโตของเทคโนโลยีและ AI หากองค์กรของท่านกำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับการประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจหรือปัญหาด้านความต่อเนื่องทางธุรกิจขององค์กร สามารถรับคำปรึกษาเบื้องต้นกับ InterRisk Asia ได้ฟรี!
InterRisk เป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจชั้นนำในประเทศไทย ภายใต้เครือ MS&AD จากประเทศญี่ปุ่น
ทีมที่ปรึกษามีประสบการณ์ด้าน BCMS โดยตรง
การออกแบบแผนที่ปรับตามบริบทของแต่ละธุรกิจ
โซลูชันที่ใช้ได้จริง ครบวงจร และพร้อมดำเนินการ