อ้างอิงเหตุการ์ณ แผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 ณ ประเทศเมียนมา
ความเสียหายจากแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาวและการตรวจสอบความปลอดภัยหลังเกิดเหตุ
สรุป
|
คลื่นแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาว
การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวจะมีการผสมผสานกันในหลายรูปแบบ เช่น แบบสั้น ๆ และเร็ว หรือแบบสั้น ยาว ๆ ช้า ๆ ภายใน 1 คาบเวลา (ระยะเวลาที่เกิดขึ้นในการสั่นไป-กลับ 1 รอบ) ซึ่งแผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 เป็นการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบเวลายาวเป็นจำนวนมาก ซึ่งปกติแล้วการสั่นสะเทือนลักษณะคาบยาว เมื่อเปรียบเทียบกับการสั่นสะเทือนแบบลักษณะคาบสั้น การลดทอนความรุนแรงของการสั่นจะเป็นไปได้ยาก การแผ่กระจายจึงไปได้ไกลถึงบริเวณที่อยู่ห่างไกลจากจุดศูนย์กลาง
แต่เนื่องจากอาคารแต่ละหลังจะมีคาบเวลาที่ง่ายต่อการสั่นหรือคาบเวลาธรรมชาติเป็นของตัวเอง ถ้าคาบเวลาของคลื่นแผ่นดินไหวตรงกับคาบเวลาธรรมชาติของอาคารก็จะทำให้เกิดการสั่นพ้อง (Resonance) หรืออาคารสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ซึ่งคาบเวลาธรรมชาติของแต่ละอาคารนั้นจะแตกต่างไปตามความสูง หากเป็นบ้านไม้หรืออาคารเตี้ย คาบเวลาธรรมชาติก็จะสั้น แต่หากอาคารสูงคาบเวลาธรรมชาติก็จะยาว เนื่องจากแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาวรูปแบบการสั่นสะเทือนกินระยะเวลานาน จึงส่งผลกระทบต่ออาคารสูงที่มีคาบเวลาธรรมชาติยาวค่อนข้างมาก
พื้นดินมีคาบเวลาธรรมชาติเช่นเดียวกับอาคาร ส่วนบริเวณหินแข็งจะมีคาบเวลาสั้น ยิ่งพื้นดินมีความอ่อนมากเท่าไหร่คาบเวลาธรรมชาติจะมีความยาวมากเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นบริเวณที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว หากเป็นพื้นที่ที่เป็นพื้นดินอ่อนก็จะทำให้แผ่นดินไหวมีระยะยาวและรุนแรงขึ้น หากคาบเวลาของแผ่นดินไหวตรงกับคาบเวลาธรรมชาติของอาคาร ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงแก่ตัวอาคารได้เช่นกัน
ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 ประเทศเมียนมาในครั้งนี้ ทำให้พบเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ตึกสูงในกรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย ถึงแม้จะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาถึง 1,000 กิโลเมตร แต่เนื่องจากคลื่นแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาว กระทบกับพื้นที่บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาหรือแม่น้ำบางประกงที่อยู่รอบกรุงเทพฯ และเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “ชั้นดินเหนียวของกรุงเทพมหานคร” โดยพื้นที่มีลักษณะเป็นชั้นดินเหนียวที่มีความยืดหยุ่น ทำให้สามารถคาดเดาได้ว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวมีระยะเวลายาวและรุนแรง อีกทั้งในอดีตยังมีการพบเห็นรายงานความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากแรงสั่นสะเทือนคาบยาวในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างความเสียหายในอดีตที่เกิดขึ้นจากคลื่นแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาว
- ความเสียหายจากตึกถล่ม
แผ่นดินไหวเม็กซิโกใน พ.ศ. 2528 มีการรายงานความเสียหายจากตึกถล่มเป็นจำนวนมากที่เม็กซิโกซิตี้ถึงแม้จะมีระยะห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว 400 กิโลเมตร แต่ความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นในวงกว้างทั่วทั้งเมือง แต่จะกระจุกตัวอยู่ในบริเวณที่เป็นดินอ่อนของเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายที่เห็นได้ชัดเจนในอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดกลางถึงสูง โดยแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาในครั้งนี้ไม่ได้รับการรายงานเหตุตึกถล่มนอกเหนือจากตึกที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
- Sloshing
Sloshing คือ ปรากฏการณ์ที่ของเหลวในภาชนะปิดหรือเปิดเกิดการเคลื่อนไหวหรือแกว่งอย่างรุนแรง เมื่อภาชนะนั้นถูกรบกวนหรือมีการสั่นสะเทือน เช่น แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งโทคาจิใน พ.ศ. 2546 แทงค์น้ำมันในเมืองโทมะโคะมะอิจิที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวประมาณ 250 กิโลเมตรเกิด Sloshing ทำให้ระบบหลังคาที่ออกแบบให้ลอยอยู่ผิวหน้าของเหลวที่ถูกเก็บไว้ในถังได้รับความเสียหาย ทำให้เกิดน้ำมันรั่วไหลและเกิดเพลิงไหม้ แผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 ประเทศเมียนมาในครั้งนี้ ได้รับการรายงานเกิดเหตุที่น้ำสระว่ายน้ำในคอนโดมีเนียมหรือเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ที่ตึกสูงในกรุงเทพฯ เกิดการ Sloshing ทำให้น้ำเอ่อล้นออกมา ส่งผลให้รั้วกระจกได้รับความเสียหายจากการกระทบกับน้ำที่เอ่อล้นออกมา
- ความเสียหายจากเชือกลิฟต์โดยสารขาด/ภัยจากการถูกกักขังในลิฟต์
ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในชูเอ็ตสึ จังหวัดนีงาตะ ได้รับการรายงานเความเสียหายของเชือกลิฟต์โดยสารในตึกสูงภายในจังหวัดโดเกียวที่อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวขาด อีกทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นตะวันออก พ.ศ. 2554 เกิดเหตุการถูกกักขังในลิฟต์เนื่องจากเชือกลิฟต์โดยสารพันกันอีกด้วย สำหรับเหตุการ์ณแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาในครั้งนี้ไม่ได้รับรายงานความเสียหายจากลิฟต์โดยสารหล่นในกรุงเทพมหานครแต่อย่างใด
- ความเสียหายต่อส่วนประกอบที่ไม่ใช่โครงสร้าง
จากการสั่นไหวของตึกเนื่องจากคลื่นแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาวนั้น อาจทำให้เกิดความเสียหายไม่เพียงแต่โครงสร้างหลักของอาคาร ตัวเสาและคานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงส่วนประกอบที่ไม่ใช่โครงสร้าง เช่น ผนังภายใน พื้น และเพดานอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภูมิภาคโทโฮคุ พ.ศ. 2554 พบความเสียหายในอาคารสูงที่โอซาก้า ซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวประมาณ 800 กิโลเมตร เช่น แผ่นผนังบอดเบี้ยวและแตกร้าว แผ่นฝ้าเพดานร่วงหล่น พื้นแตกและโก่งตัว รวมถึงประตูหนีไฟบิดเบี้ยว นอกจากนี้อาคารสูงในโตเกียว มีรายงานความเสียหาย เช่น น้ำรั่วจากท่อสปริงเกอร์ และแผ่นปิดรอยต่อ (expansion joint cover) หลุดร่วงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาครั้งนี้ ส่วนใหญ่ความเสียหายต่อส่วนประกอบที่ไม่ใช่โครงสร้างมีจำนวนมากในอาคารสูงของกรุงเทพมหานคร เช่น ผนังภายในแตกร้าว ผนังภายนอก แผ่นฝ้าเพดาน และโคมไฟแขวนร่วงหล่น
- ความเสียหายของเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้อง
ชั้นสูงในตึกสูงนั้นหากได้รับการสั่นสะเทือนจากคลื่นแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาวเป็นระยะเวลานาน ถึงแม้จะไม่ได้รับความเสียหายที่ตัวตึก แต่มีความเป็นไปได้ที่เกิดความเสียหายของเฟอร์นิเจอน์และอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องได้ เช่น ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภูมิภาคโทโฮคุ พ.ศ. 2554 นั้นได้รับการแจ้งความเสียหายจากชั้นที่ไม่ได้ยึดล้ม, หรืออุปกรณ์ตกแต่งที่มีล้อ หรือว่าเครื่องปริ้นท์เตอร์มีการเคลื่อนไหวและโยกไปมา แผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568ในเมียนมาในครั้งนี้ จำนวนความเสียหายที่เกิดจากเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องอาจไม่ได้รับการแจ้งมากเมื่อเปรียบเทียบกับความเสียหายต่อตัวอาคารในกรุงเทพมหานคร แต่ทว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งภายในที่ไม่ได้รับการยึดในอาคารสูงที่ได้ผลกระทบจากการสั่นสะเทือนนั้นอาจเกิดการล้มหรือเคลื่อนที่ได้
การตรวจสอบความปลอดภัยหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว
เนื่องจากเหตุการ์ณ แผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 นั้นเกิดการถล่มของอาคาร การใช้อาคารหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้น มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่ต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยของตัวอาคารรวมถึงเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งภายในอาคาร เนื้อหาด้านล่างนี้จะเป็นการอธิบายถึงวิธีการตรวจสอบความปลอดภัยของตัวอาคาร, เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งภายในอาคารโดยรวบรวมจากเอกสารอ้างอิงภายในประเทศญี่ปุ่น
1) วิธีการตรวจสอบอาคารแบบฉุกเฉิน
หากจำเป็นต้องมีการใช้อาคารหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว มีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องได้รับการตรวจสอบอาคารในด้านความปลอดภัยต่อคนและด้านการจัดการเพื่อการต่อเนื่องทางธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญ แต่ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคอาจไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้ทันที เนื่องจากต้องปฏิบัติงานรับมือกับภัยพิบัติหลังแผ่นดินไหว ดังนั้น การเตรียมความพร้อมให้พนักงานของบริษัทและผู้ดูแลอาคารที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรม สามารถดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยเบื้องต้นและเร่งด่วนของอาคารได้เองจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ในประเทศญี่ปุ่น สำนักงานคณะรัฐมนตรีจึงได้เผยแพร่ “แนวทางการตรวจสอบอาคารเบื้องต้นโดยผู้ดูแลอาคารทันทีหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 3) (ต่อไปนี้จะเรียกว่า แนวทางของสำนักงานคณะรัฐมนตรี)” ซึ่งระบุขั้นตอนการตรวจสอบและเกณฑ์การตัดสินใจที่ชัดเจน
ขั้นตอนการตรวจสอบเบื้องต้นตามแนวทางของสำนักงานคณะรัฐมนตรีแสดงดังรูปด้านล่าง โดยเริ่มจากการตรวจสอบลักษณะภายนอกและความเสียหายภายนอกของอาคาร หากพบว่ามีชั้นที่พังถล่ม หรือมีความเสี่ยงที่อาคารข้างเคียงจะล้มทับและได้รับผลกระทบ ซึ่งประเมินได้ว่าเป็นอันตรายอย่างชัดเจน จะตัดสินในทันทีว่าอาคารนั้นไม่สามารถใช้งานได้ หากไม่พบความเสี่ยงจากลักษณะภายนอก จะดำเนินการตรวจสอบจากภายในอาคาร โดยพิจารณาความเอียงของแต่ละชั้นและความเสียหายของโครงสร้าง เพื่อประเมินว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ หากผลการตรวจสอบภายนอกและภายในระบุว่าอาคารสามารถใช้งานได้ จะต้องระบุจุดที่อาจเป็นอันตรายจากสิ่งของที่อาจหล่น และดำเนินการตามมาตรการ เช่น การห้ามเข้าในพื้นที่นั้น
เอกสารแนบท้ายรายงานนี้มีแบบตรวจสอบตามแนวทางของสำนักงานคณะรัฐมนตรี ซึ่งท่านสามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารหลังเกิดแผ่นดินไหว
อนึ่ง ในกรุงเทพฯ หน่วยงานราชการในท้องถิ่นได้ให้บริการแสดงข้อมูลสถานการณ์ความเสียหายและความปลอดภัยของอาคารบน WebGIS 4) ซึ่งท่านสามารถนำไปใช้ประกอบการตรวจสอบความปลอดภัยได้เช่นกัน
(2) มาตรการป้องกันเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ภายในอาคาร
ความเสียหายจากคลื่นแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาวไม่เพียงแต่โครงสร้างหลักของอาคารเท่านั้น แต่ยังเกิดความเสียหายจากการล้มหรือเคลื่อนที่ของเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ภายในอาคารเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ จากผลสำรวจความคิดเห็น 5) ที่ดำเนินการกับเจ้าของอาคารสูงในโตเกียวภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภูมิภาคโทโฮคุ พ.ศ. 2554 พบว่า หากมีการดำเนินมาตรการป้องกันการล้มหรือเคลื่อนที่ของเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้อย่างเหมาะสม จะไม่เกิดความเสียหาย ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการเตรียมมาตรการล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันความเสียหายได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ในประเทศญี่ปุ่น สำนักงานดับเพลิงโตเกียวจึงได้เผยแพร่ “คู่มือมาตรการป้องกันการล้ม การหล่น และการเคลื่อนที่ของเฟอร์นิเจอร์ – มาตรการป้องกันแผ่นดินไหวภายในอาคาร – 6) (ต่อไปนี้จะเรียกว่า คู่มือของสำนักงานดับเพลิงโตเกียว)” ซึ่งระบุวิธีการป้องกันแผ่นดินไหวสำหรับเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ภายในอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัย คู่มือของสำนักงานดับเพลิงโตเกียวอธิบายมาตรการป้องกันแผ่นดินไหวในด้านต่างๆ เช่น การจัดวางเฟอร์นิเจอร์เพื่อป้องกันการกีดขวางทางหนีภัย วิธีการป้องกันเฟอร์นิเจอร์ที่มีล้อเลื่อนไม่ให้เคลื่อนที่ และวิธีการยึดเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีล้อเลื่อน โดยมีรายละเอียดดังรูปด้านล่าง
เอกสารแนบท้ายรายงานนี้มีแบบตรวจสอบตามคู่มือของสำนักงานดับเพลิงโตเกียว ซึ่งท่านสามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบความปลอดภัยของเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ภายในอาคารได้
สรุป
รายงานฉบับนี้ได้อธิบายถึงลักษณะเฉพาะและตัวอย่างความเสียหายจากคลื่นแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาว พร้อมทั้งแนะนำวิธีการตรวจสอบความปลอดภัยหลังเกิดแผ่นดินไหว ในเหตุการณ์ แผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 ณ ตอนกลางของประเทศเมียนมาพบความเสียหายจากคลื่นแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาวในอาคารสูงในกรุงเทพมหานครในประเทศไทย ซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวประมาณ 1,000 กิโลเมตร ในประเทศไทยนั้นมีคาดการณ์ว่าหากเกิดแผ่นดินไหวในภูมิภาคที่มีกิจกรรมแผ่นดินไหวสูง เช่น ที่ประเทศเมียนมาหรือประเทศลาว ในระดับความรุนแรงเดียวกัน หรือเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่คาดการณ์ไว้บริเวณนอกชายฝั่งสุมาตรา อาจเกิดความเสียหายจากคลื่นแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาวซ้ำอีกได้ นอกจากนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่เมืองอื่น ๆ ในประเทศต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำสายใหญ่ก็จำเป็นต้องมีความเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับคลื่นแผ่นดินไหวที่มีลักษณะคาบยาวเช่นกัน เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่ต้องมีการพิจารณามาตรการป้องกันแผ่นดินไหวอย่างเพียงพอ โดยอ้างอิงจากวิธีการตรวจสอบความปลอดภัยที่ได้แนะนำไว้ในรายงานฉบับนี้
MS&AD InterRisk Research & Consulting. Inc.
Risk Management Group 1
Chief of Risk Engineering Group 2
Mr. Kyouhei Suzuki
(อ้างอิง) ตัวอย่างเช็คลิสต์ในการตรวจสอบความปลอดภัยหลังแผ่นดินไหว
(1) อาคาร
(ข้อมูลจัดทำขึ้นตามนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบอาคารฉุกเฉิน)
โดยผู้ดูแลอาคาร/สถานที่หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ – สำนักงานคณะรัฐมนตรี
(2) อุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน
อ้างอิง
- https://www.jma.go.jp/jma/kishou/know/jishin/choshuki/
- https://www.researchgate.net/publication/368540395
- https://www.bousai.go.jp/jishin/kitakukonnan/kinkyuutenken_shishin/index.html
- https://fondue.traffy.in.th/bangkok
- https://www.data.jma.go.jp/eqev/data/study-panel/tyoshuki_kentokai/kentokai1/siryou1.pdf
- https://www.tfd.metro.tokyo.lg.jp/learning/elib/kagutenhandbook.html
MS&AD InterRisk Research Institute Co., Ltd. is a risk-related service company of the MS&AD Insurance Group, which conducts consulting related to risk management and research in a wide range of fields. InterRisk Asia (Thailand) Co., Ltd. is a risk management company based in Bangkok, Thailand. We provide various risk consulting services in Southeast Asian countries, including fire risk surveys, natural disaster and industrial accident risk surveys for factories, warehouses, commercial facilities, etc., traffic risks, BCP formulation support, cyber risks, etc. For inquiry, please feel free to contact the below information, or nearest Mitsui Sumitomo Insurance or Aioi Nissay Dowa Insurance sales representatives. |
The purpose of this report is to provide our customers with the useful information for the occupational safety and health management. There is no intention to criticize any individuals and parties etc. |
Copyright 2025 MS&AD InterRisk Research & Consulting, Inc. All Rights Reserved